บทคัดย่อ
การลดการสูญเสียพลังงานของหม้อไอน้ำเป็นหัวใจสำคัญของระบบผลิตพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม การหุ้มฉนวนผนังเตาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการสูญเสียความร้อน จึงได้ทำการศึกษาผลของการหุ้มฉนวนด้วยใยหินความหนา 50, 75 และ 100 มม. บนหม้อไอน้ำขนาด 25 ตัน/ชั่วโมง ในโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยวิเคราะห์ตำแหน่งผนังเตาที่มีอุณหภูมิผิวตั้งแต่ 85°ซ ขึ้นไปและอยู่ในระดับที่ผู้ปฏิบัติงานอาจได้รับอันตรายได้ พบว่า ตำแหน่งที่ 1 พื้นที่ 9.58 ตร.ม. อุณหภูมิผิว 263°ซ เมื่อทำการหุ้มฉนวนสามารถลดการสูญเสียพลังงานและประหยัดเชื้อเพลิงได้ 93,091–94,442 กก./ปี หรือคิดเป็นเงิน 64,512–65,448 บาท ขณะที่ตำแหน่งที่ 2 พื้นที่ 12.7 ตร.ม. อุณหภูมิผิว 174.5°ซ สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ 57,323–58,460 กก./ปี หรือคิดเป็นเงิน 39,725–40,513 บาท มีระยะเวลาคืนทุน 58, 73 และ 89 วัน ในตำแหน่งที่ 1 ขณะที่ตำแหน่งที่ 2 ใช้เวลา 126, 158 และ 190 วัน ตามลำดับ การหุ้มฉนวนจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและลดต้นทุนระยะยาวได้อย่างชัดเจน
1. บทนำ
ในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้พลังงานในปริมาณมาก โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boiler) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงสูงในการผลิตไอน้ำเพื่อใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความร้อน การให้พลังงานกล หรือใช้ในกระบวนการเคมี หม้อไอน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นไอน้ำโดยใช้ความร้อนจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น ชีวมวล ถ่านหิน ก๊าซ หรือดีเซล ไอน้ำที่ได้จะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานในระบบต่าง ๆ ภายในโรงงาน เช่น ระบบการอบแห้ง การกลั่น การให้ความร้อนแก่อุปกรณ์ในสายการผลิต หรือแม้แต่การหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้หม้อไอน้ำเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้พลังงานในปริมาณมาก หากไม่มีการจัดการที่ดีจะทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์ หนึ่งในแหล่งการสูญเสียพลังงานที่สำคัญในระบบหม้อไอน้ำ คือ การสูญเสียความร้อนผ่านผนังเตาหม้อไอน้ำ เนื่องจากบริเวณผนังเตามีอุณหภูมิสูงมาก ทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อนสู่บรรยากาศโดยรอบอย่างต่อเนื่อง การสูญเสียในลักษณะนี้ไม่เพียงส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แต่ยังเป็นการเพิ่มต้นทุนเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
การหุ้มฉนวนความร้อน (Thermal insulation) บริเวณผนังเตาจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรม โดยการเลือกใช้วัสดุฉนวนที่มีคุณสมบัติในการต้านทานการถ่ายเทความร้อน เช่น ใยหิน (rock wool) ใยแก้ว แคลเซียมซิลิเกต เป็นต้นซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติการนำความร้อน และระดับการทนต่ออุณหภูมิสูงต่างกัน การหุ้มฉนวนนั้นสามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานความร้อนได้มากถึง 44% (Bosch Industriekessel GmbH, n.d.) อีกทั้งยังช่วยรักษาเสถียรภาพของแรงดันไอน้ำภายในระบบให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของระบบหม้อไอน้ำและกระบวนการผลิตในโรงงาน การหุ้มฉนวนยังมีข้อดีในด้านความปลอดภัยในการทำงาน โดยสามารถลดอุณหภูมิของพื้นผิวผนังเตาให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฏหมายลดความเสี่ยงจากการสัมผัสกับบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔ (กฎกระทรวง เรื่อง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง, 2559) และจัดให้มีฉนวนกันความร้อนหุ้มหม้อน้ำที่ติดตั้งอยู่ในระดับหรือบริเวณที่ลูกจ้างผู้ปฏิบัติงานอาจได้รับอันตรายได้ ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๔) นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระของระบบระบายอากาศในอาคารโรงงานอีกด้วย มีผลการศึกษาหลายฉบับรายงานว่า การลงทุนในระบบหุ้มฉนวนความร้อนมีระยะเวลาคืนทุนที่สั้น (U.S. Department of Energy, 2014; Topçu. & Rusen, 2016.) โดยเฉพาะในระบบที่มีการสูญเสียความร้อนสูง และสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development) ที่อุตสาหกรรมยุคใหม่ให้ความสำคัญ (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, 2550)
ฉนวนใยหิน (Rock Wool) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Stone Wool เป็นวัสดุฉนวนที่ผลิตจากหินภูเขาไฟ เช่น บะซอลต์ โดยผ่านกระบวนการหลอมที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,500°ซ แล้วนำไปปั่นให้เป็นเส้นใยคล้ายเส้นฝ้าย ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบที่ต้องรับความร้อนสูง เช่น เตาอุตสาหกรรม หม้อไอน้ำ หรือระบบท่อส่งไอน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม ฉนวนใยหินมีคุณสมบัติทนความร้อนสูงถึงประมาณ 1000°ซ โดยไม่เกิดการหลอมละลาย อีกทั้งยังไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีเกิดเพลิงไหม้ โครงสร้างของเส้นใยที่พรุนยังช่วยในการลดการถ่ายเทความร้อนโดยมีค่าการนำความร้อนต่ำอยู่ที่ประมาณ 0.035–0.045 W/m·K นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการกันเสียง ดูดซับเสียงรบกวน และไม่เสื่อมสภาพง่ายจากความชื้นหรือการกัดกร่อน จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานโดยไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย ด้วยคุณลักษณะทั้งหมดนี้ ฉนวนใยหินจึงเป็นวัสดุฉนวนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก (ROCKWOOL Group, n.d.; Insulation Institute, 2016; Buy Insulation Online, n.d.)
งานวิจัยนี้จึงดำเนินการศึกษาผลของการหุ้มฉนวนแบบใยหินของหม้อไอน้ำขนาด 25 ตัน/ชั่วโมง ในโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ต่อประสิทธิภาพในการลดการสูญเสียความร้อนของหม้อไอน้ำ โดยศึกษาความร้อนสูญเสียจากผนังเตาหม้อไอน้ำทั้งก่อนและหลังหุ้มฉนวนใยหินที่ความหนาต่าง ๆ รวมทั้งความคุ้มค่าในการลงทุน
รูปที่ 1 การลดลงของอุณหภูมิจากการหุ้มฉนวน
ที่มา : กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, 2550
2. ขั้นตอนการดำเนินงาน
ดำเนินการประเมินการสูญเสียความร้อนจากผนังเตาหม้อไอน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยแบ่งขั้นตอนการดำเนินงานออกเป็น 4 ขั้นตอน
2.1 การเก็บข้อมูลพื้นฐาน
สำรวจเก็บข้อมูลขนาดพื้นที่ และอุณหภูมิพื้นผิวของผนังเตาโดยใช้อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด (Thermal camera) พบว่า ผนังเตาหม้อไอน้ำที่ยังไม่ได้หุ้มฉนวนซึ่งมีอุณหภูมิผิวตั้งแต่ 85°ซ ขึ้นไปและอยู่ในระดับที่ผู้ปฏิบัติงานอาจได้รับอันตรายได้ (ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ. 2549) มี 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ตำแหน่งที่ 1 บริเวณด้านข้างผนังเตา มีพื้นที่ 9.58 ตร.ม. อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวอยู่ที่ 263°ซ และตำแหน่งที่ 2 บริเวณด้านหน้าและด้านหลังของผนังเตา มีพื้นที่ 12.7 ตร.ม. และมีอุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิว 174.5°ซ
รูปที่ 2 ตำแหน่งหุ้มฉนวนที่ 1 (ซ้าย) และ 2 (ขวา)
2.2 การคำนวณอัตราการสูญเสียความร้อนก่อนและหลังการหุ้มฉนวน
พิจารณาทั้งการถ่ายเทความร้อนด้วยการพา (Convection) และการแผ่รังสี (Radiation) ซึ่งสัมประสิทธ์การถ่ายเทความร้อนจากการพา (hc) คำนวณได้จากเลข Nusselt ที่สัมพันธ์กับค่า Rayleigh และ Prandtl โดยวิธีการคำนวณแสดงไว้ในรูปสมการที่ 1 – 7 (Cengel, 2020) และผลลัพธ์ดังตารางที่ 1
โดยที่
ตารางที่ 1 ค่าสัมประสิทธิ์การพาความร้อนแบบธรรมชาติ อัตราการสูญเสียความร้อนที่ผนังเตาแต่ละตำแหน่งก่อนหุ้มฉนวน
2.3 การวิเคราะห์ปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงที่สามารถลดได้
คำนวณปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงที่สามารถลดได้เมื่อติดตั้งฉนวนใยหินที่ความหนา 25, 50, 75 และ 100 มม. โดยใช้หลักการถ่ายเทความร้อนผ่านชั้นวัสดุและทำการคำนวณอัตราความร้อนที่ลดลงจากเดิม (Q_saved) รวมถึงปริมาณเชื้อเพลิงที่สามารถประหยัดได้ต่อปีจากอัตราการสูญเสียความร้อนที่ลดลง ผลการคำนวณในแต่ละความหนาฉนวนแสดงไว้ในรูปของตารางเปรียบเทียบ
ภายใต้สมมุติฐานว่า หม้อไอน้ำทำงานอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี และคำนวณโดยใช้ค่าความร้อนสูงของเชื้อเพลิง (Higher Heating Value, HHV) โดยอ้างอิงผลการตรวจวัดเชื้อเพลิงของทางโรงงาน 10,350 กิโลจูล/กิโลกรัม (kJ/kg) และอุณหภูมิบรรยากาศที่ 35°ซ ดังสมการที่ 8 (Cengel, 2020)
โดยที่
คำนวณปริมาณความร้อนที่สามารถประหยัดได้หลังการติดตั้งฉนวน (Qsaving) ซึ่งได้จากการลบค่าความร้อนสูญเสียก่อนหุ้มฉนวน Q1 ออกจากค่าหลังหุ้มฉนวน Q2 ดังสมการที่ 9
คำนวณพลังงานความร้อนรวมที่ประหยัดได้ต่อชั่วโมง (Annual benefit per hour) คิดเป็นค่าความร้อนของเชื้อเพลิง ซึ่งได้จากการแปลงพลังงานที่ประหยัดได้จากหน่วยวัตต์เป็นหน่วยกิโลกรัมเชื้อเพลิงโดยใช้ค่าความร้อนของเชื้อเพลิง (HHV) ตามสมการที่ 10 และปริมาณเชื้อเพลิงที่สามารถประหยัดได้ต่อปี (Fuel savings per year) ตามสมการที่ 11
ผลการคำนวณอัตราการสูญเสียความร้อนภายหลังการหุ้มฉนวนที่ความหนาของฉนวนระดับ 25, 50, 75 และ 100 มม. พบว่า มีแนวโน้มการลดลงของการสูญเสียพลังงานตามความหนาที่เพิ่มขึ้น (รูปที่ 3)
รูปที่ 3 ความร้อนสูญเสีย และเชื้อเพลิงที่ประหยัดได้จากการหุ้มฉนวนที่ความหนาต่าง ๆ ในแต่ละตำแหน่ง
2.4 เศรษฐศาสตร์การหุ้มฉนวน
หลังจากการประเมินอัตราการสูญเสียความร้อนของผนังเตาในสภาวะก่อนและหลังการติดตั้งฉนวนแล้ว พร้อมทั้งการวิเคราะห์ปริมาณพลังงานที่สามารถประหยัดได้ต่อปี จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินด้านเศรษฐศาสตร์ เพื่อพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนในการติดตั้งฉนวนในระดับอุตสาหกรรม โดยพิจารณาในมิติของต้นทุนการลงทุนเริ่มต้น (Initial investment) มูลค่าพลังงานที่สามารถประหยัดได้ต่อปี (Annual energy saving value) และระยะเวลาคืนทุนของโครงการ (Payback period) ต้นทุนการลงทุนในการหุ้มฉนวนคำนวณจากพื้นที่ผิวของผนังเตาที่ทำการติดตั้งฉนวน ประกอบกับราคาของวัสดุฉนวน ค่าดำเนินการติดตั้ง และวัสดุปิดผิว (Jacket) โดยประเมินจากสมการต้นทุนรวมของโครงการ ดังสมการที่ 12 – 13
โดยที่
จากการสำรวจข้อมูลวัสดุฉนวนที่มีจำหน่ายจริงในท้องตลาด พบว่า ขนาดความหนาที่สามารถจัดหาและใช้งานได้จริงมีเพียง 3 ขนาด ได้แก่ 50, 75 และ 100 มม. ดังนั้น ในการประเมินด้านเศรษฐศาสตร์ จึงเลือกการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของการลงทุนเฉพาะในกรณีของความหนาฉนวนทั้ง 3 ขนาดดังกล่าว เพื่อให้ผลการวิเคราะห์สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในภาคปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ผลวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของการหุ้มฉนวนผนังเตาหม้อไอน้ำในระดับอุตสาหกรรม พบว่า ต้นทุนการลงทุนประกอบด้วยค่าวัสดุฉนวนใยหินในแต่ละความหนา ได้แก่ 586 บาท/ตร.ม. สำหรับความหนา 50 มม. 879 บาท/ตร.ม. สำหรับ 75 มม. และ 1,170 บาท/ตร.ม. สำหรับ 100 มม.ค่าติดตั้งฉนวน 250 บาท/ตร.ม. และค่าหุ้มภายนอก (Jacket) 245 บาท/ตร.ม. เมื่อนำไปคำนวณรวมกับพื้นที่ติดตั้งจริงในแต่ละตำแหน่งของผนังเตา ได้ต้นทุนการลงทุนรวมตามความหนาฉนวนที่แตกต่างกันสำหรับผนังเตาในตำแหน่งที่ 1 ซึ่งมีพื้นที่ 9.58 ตารางเมตร เมื่อหุ้มด้วยฉนวนใยหินที่ความหนา 50, 75 และ 100 มม. จะมีเงินลงทุนรวม 10,355, 13,162 และ 15,950 บาท ตามลำดับ โดยสามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้ 93,091, 93,978 และ 94,442 กก./ปี ทำให้เงินที่ประหยัดได้ต่อปีมีมูลค่า 64,512, 65,126 และ 65,448 บาท ตามลำดับ ในขณะที่ผนังเตาในตำแหน่งที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ 12.7 ตร.ม. มีต้นทุนการลงทุนรวมสำหรับความหนา 50, 75 และ 100 มม. อยู่ที่ 13,728, 17,449 และ 21,145 บาท สามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้ 57,323, 58,067 และ 58,460 กก./ปี และส่งผลให้เงินที่ประหยัดได้ต่อปีมีมูลค่า 39,725, 40,241 และ 40,513 บาท ตามลำดับ (ตารางที่ 2)
ระยะเวลาคืนทุน พบว่า ในตำแหน่งที่ 1 ระยะเวลาคืนทุนสำหรับความหนา 50, 75 และ 100 มม. 58, 73 และ 89 วัน ตามลำดับ ส่วนในตำแหน่งที่ 2 มีระยะเวลาคืนทุน 126, 158 และ 190 วัน ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า ความหนาของฉนวนที่เพิ่มขึ้นช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานได้ในอัตราที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีอุณหภูมิพื้นผิวสูง การลงทุนในระบบฉนวนความร้อน จึงเป็นทางเลือกที่มีความเหมาะสมทั้งในเชิงพลังงานและเศรษฐศาสตร์ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบผลิตพลังงานอื่น ๆ ที่มีลักษณะการสูญเสียความร้อนคล้ายคลึงกันในภาคอุตสาหกรรม
ตารางที่ 2 เงินลงทุนเงินและที่ประหยัดได้จากการหุ้มฉนวนที่ความหนาต่าง ๆ
3. บทสรุป
การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การหุ้มฉนวนผนังเตาหม้อไอน้ำด้วยวัสดุใยหินเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการสูญเสียความร้อนจากระบบผลิตไอน้ำในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยความหนาของฉนวนมีอิทธิพลต่อระดับการลดพลังงานสูญเสียอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนผลเชิงบวกทั้งในด้านการประหยัดเชื้อเพลิงและการเพิ่มประสิทธิภาพทางพลังงานของโรงงาน จากข้อมูลการคำนวณ พบว่า การหุ้มฉนวนสามารถลดความสูญเสียพลังงานลงได้มากกว่า 70% ซึ่งส่งผลให้ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ลดลง นอกจากนั้น ยังมีผลเชิงบวกต่อความปลอดภัยของพื้นที่ปฏิบัติงาน ลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสผิวร้อน และส่งเสริมแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ผลการวิจัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่มีลักษณะระบบผลิตพลังงานคล้ายคลึงกัน และเป็นข้อมูลสนับสนุนสำหรับการตัดสินใจเชิงวิศวกรรมและการลงทุนในระบบอนุรักษ์พลังงานในระดับโรงงานอย่างเป็นรูปธรรม
กิตติกรรมประกาศ
ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน สำหรับการสนับสนุนทุนการศึกษาภายใต้โครงการทุนทักษะบัณฑิตพลังงาน ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ขอขอบคุณนางสาววลัยพร ศะศิประภา ที่กรุณาให้คำแนะนำด้านการเขียนและการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนิต สวัสดิ์เสวี อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ได้ให้คำชี้แนะและคำแนะนำอันทรงคุณค่าในทุกขั้นตอนของการศึกษา นอกจากนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณนายยุทธชัย อนะธรรมสมบัติ ที่ได้ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการคำนวณด้านเทคนิคอย่างละเอียดรอบคอบ อันส่งผลให้ผลงานวิจัยมีความสมบูรณ์และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน. (2550). Pre อาวุโสทฤษฎี. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงพลังงาน.
กฎกระทรวง เรื่อง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559. (17 ตุลาคม 2559). ราชกิจจานุเบกษา, 133(91 ก), 48–54.
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง อุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน พ.ศ. 2549. พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535.
Çengel, Y. A., & Boles, M. A. (2020). Thermodynamics: An engineering approach (9th ed.). McGraw-Hill Education.
Çengel, Y. A., & Ghajar, A. J. (2020). Heat and mass transfer: Fundamentals and applications (6th ed.). McGraw-Hill Education.
Kumar, D., & Singh, R. K. (2013). Boiler efficiency improvement through energy management techniques. International Journal of Scientific and Research Publications, 3(8), 1–4.
Topçu, M. A., & Rusen, A. (2016). Insulation of boiler to save energy. In Proceedings of the 8th International Edge Energy Symposium and Exhibition.
U.S. Department of Energy. (2014). Improving steam system performance: A sourcebook for industry (2nd ed.). Retrieved from https://www.energy.gov/sites/prod/files/2014/05/f16/steamsourcebook.pdf
Anonymous. (2015). Insulation material and properties. Retrieved from https://tiac.ca/wp-content/uploads/2015/12/TIAC_Guide_English_2013-Section-02.pdf
Bosch Industriekessel GmbH. (n.d.). Insulation: Increasing efficiency at the boiler and system. Retrieved April 30, 2025, from https://www.boiler-planning.com/en/efficiency/increasing-efficiency-at-the-boiler-and-system/insulation.html
Insulation Institute. (n.d.). Rock and slag wool insulation: Sustainable choices for conserving energy. Retrieved from https://insulationinstitute.org/wp-content/uploads/2016/01/N046-Rock-and-Slag-Wool-Insulation-Sustainable-Choices-for-Conserving-Energy.pdf
Insulation Institute. (n.d.). Why insulation matters in industrial applications. Retrieved from https://insulationinstitute.org