การอ้างอิง: นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2565). การบริหารจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย (Solid Waste Management of Local Administrative Organizations in Thailand). วารสารสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 26 (ฉบับที่ 1).


บทความ: การบริหารจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย (Solid Waste Management of Local Administrative Organizations in Thailand)

นิภาพรรณ เจนสันติกุล
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น


บทนำ
การแก้ไขปัญหาขยะของประเทศไทยถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลได้มีมติเพื่อให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะของประเทศ ตามลำดับ ดังนี้ 1) มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 19 สิงหาคม 2557 อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการกำจัดขยะในพื้นที่ และให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศเพื่อให้มีโรงกำจัดขยะมูลฝอยเพียงพอที่จะรองรับปริมาณขยะของทุกจังหวัด 2) คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษา เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ลงมติว่ารับทราบผลความคืบหน้าการดำเนินการโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมของประเทศ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการ 3) มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เห็นชอบ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของประเทศ โดยเทคโนโลยีแบบผสมผสานเน้นการแปรรูปเป็นพลังงานหรือทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งเน้นการส่งเสริมภาคเอกชนลงทุนหรือดำเนินงานระบบเก็บรวบรวมขนส่ง และกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย

กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัด และมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานบริการสาธารณะให้แก่ประชาชน ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจในการเก็บ ขนย้าย และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยในเขตพื้นที่หรือมอบหมายให้หน่วยงานรัฐหรือส่วนราชการท้องถิ่นอื่นรวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการหรือทำร่วมกับราชการส่วนท้องถิ่นในการเก็บ ขนย้าย กำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือมอบหมายให้หน่วยงานเอกชนเป็นผู้ดำเนินการหรือทำร่วมกับราชการส่วนท้องถิ่นในการเก็บ ขนย้าย กำจัดสิ่งปฏิกูลมูลฝอยรวมถึงมีอำนาจในการนำไปดำเนินการใช้หรือหาประโยชน์ได้ตามข้อตกลงที่ทำไว้ระหว่างกัน และมีอำนาจในการออกข้อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อออกใบอนุญาตการประกอบกิจการรับทำการเก็บ ขนย้าย กำจัดหรือหาประโยชน์จากการจัดการสิ่งปฏิกูลมูลฝอยตลอดจนออกข้อกำหนดท้องถิ่น (สันชัย พรมสิทธิ์, 2562, หน้า 69-70) 4) คณะรัฐมนตรีในคราวประชุม เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ได้มีมติรับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของกระทรวงมหาดไทย โดยมีแนวทางในการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการมูลฝอย (Clusters) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยปัจจุบันมีการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 324 กลุ่ม เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดขยะของแต่ละกลุ่ม

ปัจจุบันสถานการณ์ขยะในประเทศไทยนั้นถือว่าวิกฤตเนื่องด้วยเหตุผลสำคัญสองประการ คือ 1) มีปริมาณขยะรวมกันทั้งประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก พ.ศ. 2551 ที่ 23.93 ล้านตันต่อปี เพิ่มเป็น 27.06 ล้านตันใน พ.ศ. 2559 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 สูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรในช่วงเวลาเดียวกัน จากขยะ 27.06 ล้านตันต่อปี หรือ 74,130 ตันต่อวัน ซึ่งเฉลี่ยเป็นปริมาณขยะ 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน  2) วิธีการกำจัดในปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพ พบขยะตกค้างสะสมในชุมชนกว่าปีละ 5.67 ล้านตัน ส่วนที่เข้าระบบปีละ 15.76 ล้านตัน ส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 100 กำจัดโดยการฝังกลบ โดยมีบ่อฝังกลบอยู่ 2,810 แห่ง แต่มีเพียง 328 แห่งเท่านั้นที่ฝังกลบถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล ส่วนที่เหลือกว่าร้อยละ 88 ยังดำเนินการไม่ถูกต้องโดยมีข้อกำจัดทั้งในเรื่องพื้นที่ และงบประมาณในการจัดการ จึงเห็นภาพภูเขากองขยะอยู่ทั่วประเทศไทย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ส่งกลิ่นเหม็น ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างภาวะโลกร้อน (กรมอนามัย, 2561)

จากสภาพการณ์ดังกล่าวเป็นที่มาของบทความวิชาการเรื่องการบริหารจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะ และวิเคราะห์แนวทางการจัดการขยะ ทั้งนี้ได้นำแนวคิด CIPP Model มาใช้ในการอธิบาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการขยะ
จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559-2564) ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยและขยะอันตรายของประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอยอย่างครบวงจร โดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีวิธีการสำคัญ ได้แก่ การลดการเกิดขยะมูลฝอยหรือขยะอันตรายที่แหล่งกำเนิด การนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ซ้ำและใช้ประโยชน์ใหม่ การเก็บขนขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพ การกำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ การส่งเสริมภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแปรรูปขยะมูลฝอยเป็นพลังงานหรือเชื้อเพลิง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งธนาคารขยะ

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ได้สร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะ “แยกก่อนทิ้ง” เพื่อขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการให้ประชาชนรับรู้และเกิดการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะในครัวเรือนด้วยการคัด “แยกขยะก่อนทิ้ง” และหมู่บ้าน/ชุมชน มีการจัดการขยะอินทรีย์ การจัดการขยะที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ขยะอันตรายและการคัดแยกขยะแยกตามประเภทอย่างถูกต้องตามแนวทางที่กำหนด โดยการลด คัดแยกขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายชุมชนใช้หลักการ 3Rs โดย Reduce คือ การใช้น้อยหรือลดปริมาณการใช้ในปัจจุบันให้อยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ เป็นการลดปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดจากตัวเรา คิดก่อนซื้อ ลดการเกิดขยะมูลฝอย มีแนวการปฏิบัติ คือ 1) เตรียมภาชนะในการบรรจุอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการรับถุงหรือภาชนะพลาสติกจากร้านค้า 2) หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีหีบห่อบรรจุหลายชั้น 3) หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชนิดที่ใช้ครั้งเดียว มีอายุการใช้งานสั้น ไม่ได้มาตรฐาน 4) ควรเลือกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ซึ่งใช้ทรัพยากรน้อยกว่าเมื่อเทียบกับน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ 5) เลือกใช้สินค้า Reuse คือ การใช้ซ้ำ การนำของเสียบรรจุภัณฑ์หรือวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ในอีกรูปลักษณะโดยไม่ผ่านขบวนการแปรรูป และ 6) Recycle คือ การคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อนำไปแปรรูปใช้ใหม่ 

ทั้งนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดทำธนาคารขยะมูลฝอยรีไซเคิลหรือธนาคารขยะฌาปนกิจ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้มีการนำขยะมูลฝอยรีไซเคิลมาสร้างรายได้ผ่านการฝากกับธนาคาร โดยเก็บในรูปแบบของการสะสมในสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งสามารถถอนเป็นเงินสดหรือแลกเป็นของรางวัลที่ต้องการได้ โดยจัดเก็บและรวบรวมไว้เพื่อประสานให้ร้านเข้ามารับซื้อ 

CIPP Model กับการบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จากแนวทางการจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กล่าวข้างต้น นำมาสู่การวิเคราะห์การบริหารจัดการขยะ โดยผู้เขียนนำ CIPP Model มาใช้ในการอธิบายเนื่องจากเป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินใจ ซึ่งนำเสนอโดย Daneil L. Stufflebeam โดยมีจุดเน้นสำคัญเพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจบริหารโครงการ คำว่า CIPP ย่อมาจาก C: Context (บริบท หรือสภาวะแวดล้อม) I: Input (ปัจจัยเบื้องต้น) P: Process (กระบวนการ) และ P: Product (ผลผลิต) ซึ่ง Stufflebeam ให้ความหมายการประเมินไว้ว่าเป็นกระบวนการของการบรรยาย การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสม (ภูมิศักดิ์ ราศรี, 2556) โดยมีรายละเอียดการประเมินการบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้

1. การประเมินสภาวะแวดล้อม พบว่า 1.1) ประเทศไทยมีปริมาณขยะจำนวนมากและเป็นปัญหาเร่งด่วนโดย พ.ศ. 2563 มีปริมาณขยะจำนวน 27.35 ล้านตัน (กรุงเทพธุรกิจ, 2564) 1.2) ปัญหาขยะก่อให้เกิดปัญหาด้านมลพิษ หากมีวิธีการกำจัดที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาด้านมลพิษ คุณภาพน้ำ และคุณภาพอากาศ

2. การประเมินปัจจัยนำเข้า พบว่า มีส่วนที่สำคัญสองส่วน คือ 2.1) ด้านนโยบายและกฎหมาย ได้แก่ มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 แผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และ 2.2) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น สอดคล้องกับ พัชรี สินเจริญ (2562, หน้า 1-2) ที่ระบุว่าการจัดการขยะมูลฝอยในประเทศไทยดำเนินการตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 250 ระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่และอำนาจดูแลและจัดทำบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น และมาตรา 258 จัดให้มีระบบจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 34/1 การเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ในเขตพื้นที่ของราชการส่วนท้องถิ่นใดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของราชการส่วนท้องถิ่นนั้น แต่ไม่รวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด พระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 18 การเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในเขตราชการส่วนท้องถิ่นใดให้เป็นอำนาจของราชการส่วนท้องถิ่นนั้น พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งมีบทบัญญัติในมาตรา 17 (11) และมาตรา 17 (12) ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่ในการจัดระบบกำจัดขยะมูลฝอยรวมและการจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่าง ๆ และบทบัญญัติในมาตรา 16, 17 และ 18 กำหนดให้เทศบาล เมืองพัทยาและองค์การบริหารส่วนตำบลมีหน้าที่ในการจัดระบบการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง การกำจัดขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และน้ำเสีย

3. การประเมินกระบวนการ พบว่า มีกระบวนการจัดการขยะหลากหลายวิธี ได้แก่ การบริหารจัดการขยะตามแนวทาง 3Rs การบริหารขยะตามหลัก 3 ช. การสร้างเครือข่ายในชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเสริมสร้างสังคมรีไซเคิล การจัดระบบการเรียกคืนซากผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การรวมกลุ่มขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การแปรรูปขยะมูลฝอยเป็นพลังงาน การวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ การให้เอกชนมีส่วนร่วมดำเนินการในรูปแบบ Public Private Partnerships (PPPs) และกระบวนการกำจัดขยะ ได้แก่ การฝังกลบเชิงวิศวกรรม การฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล การฝังกลบแบบเทกองควบคุม เตาเผาที่มีระบบกำจัดมลพิษทางอากาศ การแปรรูปเพื่อผลิตพลังงาน (Waste to Energy: WTE) การหมักทำปุ๋ย การกำจัดขยะมูลฝอยแบบเชิงกล-ชีวภาพ (Mechanical and Biological Waste Treatment: MBT) การเทกอง การเผากลางแจ้ง ทั้งนี้ให้พิจารณาตามศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่

4. การประเมินผลผลิต พบว่า ผลผลิตจากการมีกระบวนการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ คือ 4.1) การลดปริมาณขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย 4.2) การจัดเก็บและขนส่งขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายมีประสิทธิภาพ 4.3) การบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายมีความถูกต้องและสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ 4.4) การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ 4.5) ชุมชนปลอดขยะ 4.6) กองทุนธนาคารขยะประชารัฐ 4.7) คุณภาพชีวิตของประชาชน 4.8) องค์ความรู้ด้านการจัดการขยะ 4.9) นวัตกรรมและมาตรการในการจัดการขยะ

ตัวอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้านการจัดการขยะ
1. องค์การบริหารส่วนตำบลนาคู่ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านการพิจารณาผลงานด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริมการลดปริมาณขยะตามโครงการจังหวัดสะอาด ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ผ่านระดับอำเภอ จังหวัด และถึงระดับประเทศ จนได้รับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีผลงานปฏิบัติงานดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2561 ด้านสิ่งแวดล้อม มีการพัฒนาต่อยอด ส่งเสริมด้านการจัดการขยะ ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดการขยะที่เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ในการจัดการขยะในชุมชนหมู่บ้านเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวม 11 หมู่บ้าน ได้มีการส่งเสริมให้ชุมชน หมู่บ้าน โรงเรียน วัด ดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะในชุมชน เริ่มจากครอบครัว ในการคัดแยกขยะ ทำลายขยะ ฝังกลบขยะ มีการนำขยะรีไซเคิลมาใช้ประโยชน์ และมีการจัดกิจกรรม การสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนได้เห็นความสำคัญในการจัดการขยะมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจัดตั้งธนาคารขยะขึ้นในชุมชนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการจัดการขยะ ส่งผลให้พื้นที่สามารถลดปริมาณขยะได้ปีละประมาณร้อยละ 20-30 เป็นการลดค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในการกำจัดขยะ โดยการใช้ความร่วมมือของชุมชน (สยามรัฐออนไลน์, 2561) ซึ่งธนาคารขยะรีไซเคิลมีข้อดีในการช่วยลดปริมาณขยะในชุมชน และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับคนในชุมชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน รู้จักคุณค่าขยะ และรู้ว่าขยะรีไซเคิลสามารถแลกเป็นเงินได้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้รู้จักการออม (เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม, อานุภาพ รักษ์สุวรรณ และดนุสรณ์ กาญจนวงศ์, 2563, หน้า 22)

2. เทศบาลตำบลท่าทองจัดผ้าป่าขยะรีไซเคิลต่อชีวิตช่วยผู้ป่วยติดเตียง เป็นโครงการผ้าป่าขยะรีไซเคิล “ขยะต่อชีวิต” ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะรีไซเคิล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ส่งเสริมความเอื้ออาทรกันในชุมชน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยด้อยโอกาสในตำบลท่าทองมีจำนวน 32 ราย จาก 11 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะยากจน การรับบริจาคขยะรีไซเคิลเป็นสิ่งที่คนในชุมชนช่วยเหลือกันเองโดยนำขยะไปขาย นำรายได้ทั้งหมดสมทบกองทุนขยะต่อชีวิต เป็นการเชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่และกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะในระดับครัวเรือน เป็นการจัดการสิ่งแวดล้อมในตำบลท่าทองอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณขยะที่จะนำไปฝังกลบได้ (พิษณุโลกฮอตนิวส์, 2562) โดยผ้าป่ารีไซเคิลมีข้อดี คือ มีความเชื่อมโยงกับวิถีการดำรงชีวิตผูกพันกับพิธีกรรมทางศาสนาและให้ความสำคัญกับสถาบันทางศาสนาในแง่ของการเป็นศูนย์กลางในการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดและการเรียนรู้ต่าง ๆ (เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม, อานุภาพ รักษ์สุวรรณ และดนุสรณ์ กาญจนวงศ์, 2563, หน้า 22)

3. เทศบาลหล่มเก่า พบว่า ในปัจจุบันปริมาณขยะมีเป็นจำนวนมากหากทิ้งทั่วไปต้องใช้เวลาย่อยสลายนานนับสิบนับร้อยปี โดยเฉพาะขยะพลาสติกต้องใช้เวลาในการย่อยสลายว่า 450 ปี ดังนั้นเทศบาลหล่มเก่าจึงได้ร่วมกับร้านค้าศูนย์บาทของชุมชนบ้านกุดช้าง รณรงค์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลหล่มเก่ากำจัดพลาสติกโดยมีสโลแกนว่า “เปื้อนให้ล้าง เปียกให้ตาก ถ้าไม่บริจาคก็ขาย” โดยขยะพลาสติกโดยเฉพาะถุงพลาสติกที่ใส่อาหาร หากเปื้อนก็ให้ล้างแล้วนำไปตาก แล้วนำมาขายหรือแลกกับไข่ที่ร้านค้าศูนย์บาทประชารัฐ จากนั้นเมื่อได้ปริมาณมากพอสมควรแล้วเทศบาลก็จะประสานไปยังบริษัทเอกชนมาซื้อไปเพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาปรากฏว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจนสามารถกำจัดขยะพลาสติกไปแล้วกว่า 10 ตัน และนอกจากนั้นผลการรณรงค์การคัดแยกขยะทำให้สามารถลดปริมาณขยะลงได้กว่าร้อยละ 60  (คมชัดลึก, 2562) ซึ่งขยะแลกไข่ แลกสิ่งของมีข้อดีในการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและมีการสนับสนุนจากร้านค้าที่เข้าร่วมโดยใช้หลักการเปรียบเทียบมูลค่าของวัสดุรีไซเคิลกับราคาของไข่หรือสิ่งของที่ใช้ในกิจกรรม ซึ่งราคานี้จะขึ้นลงตามตลาด เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์ 1 กิโลกรัม สามารถแลกไข่ได้ประมาณ 1 ฟอง (เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม, อานุภาพ รักษ์สุวรรณ และดนุสรณ์ กาญจนวงศ์, 2563, หน้า 22)

บทสรุป
จากการวิเคราะห์ CIPP Model และตัวอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้านการจัดการขยะสะท้อนให้เห็นว่า การจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะประสบความสำเร็จได้จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายในพื้นที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ เริ่มจากบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้ความรู้และขับเคลื่อนกลไกการคัดแยกขยะอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ทั้งนี้อำนาจและหน้าที่ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ผลที่ได้จากการดำเนินงานจะมีความแตกต่างกันไปตามบริบทพื้นที่ แต่จะช่วยให้แต่ละพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยสามารถกำหนดมาตรการหรือสร้างนวัตกรรมใหม่สำหรับการจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เอกสารอ้างอิง
กรุงเทพธุรกิจ. (2564, กรกฎาคม 9). 'การจัดการขยะ' ของไทย ทำอย่างไรให้ไปถึงเศรษฐกิจหมุนเวียน. [Website] สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/social/947912
กรมอนามัย. (2561, กรกฎาคม 3). การคัดแยกขยะเริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ. [Website] สืบค้นจาก https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/waste-management/
เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม, อานุภาพ รักษ์สุวรรณ และดนุสรณ์ กาญจนวงศ์. (2563). แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการขยะของเทศบาลเมืองหัวหิน. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 16 (1), 19-33.
คมชัดลึก. (2562, พฤศจิกายน 29). ขยะแลกไข่ ไอเดียสุดบรรเจิด แก้ขยะล้น กำจัดขยะได้มากกว่าขึ้น. [Website] สืบค้นจาก https://www.komchadluek.net/news/401682
พิษณุโลกฮอตนิวส์. (2562, สิงหาคม 8). เทศบาลตำบลท่าทองจัดผ้าป่าขยะรีไซเคิลต่อชีวิตช่วยผู้ป่วยติดเตียง. [Website] สืบค้นจาก https://www.phitsanulokhotnews.com/2019/08/08/133357
พัชรี สินเจริญ. (2562). การจัดการขยะมูลฝอย กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลบางขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา. (ค้นคว้าอิสระ โครงการรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง).
ภูมิศักดิ์ ราศรี. (2556, พฤษภาคม 24). แบบจำลอง CIPP Model. [Website] สืบค้นจาก https://suwanlaong.wordpress.com/2013/05/24/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87-cipp-model/
สยามรัฐออนไลน์. (2561, พฤศจิกายน 6). สุดเจ๋ง “อบต.นาคู่” คว้ารางวัลจัดการขยะดีเด่นระดับประเทศ. [Website] สืบค้นจาก https://siamrath.co.th/n/51989
สันชัย พรมสิทธิ์. (2562). การจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 9 (1), 67-81.